Filler คืออะไร?
Hyaluronic Acid คือสารจากธรรมชาติที่พบในสิ่งมีชีวิต Hyaluronic Acid เป็นรูปแบบหนึ่งที่ไม่มีแหล่งกำเนิดจากสัตว์ สารชนิดนี้สามารถเสื่อมสลายได้ตามธรรมชาติ เหมาะสำหรับการเติม โหนกแก้ม แก้ม สันจมูก ร่องแก้ม ถุงใต้ตา คาง หรือการเติมริมฝีปากให้ดูอวบอิ่ม
Filler ใช้ได้กับบริเวณไหนและปริมาณเท่าไรจึงจะที่เหมาะสม?

ระยะเวลาในการออกฤทธิ์ของ Filler ?
อายุการสะลายหรือเสื่อมสภาพขึ้นอยู่กับสภาพร่างของแต่ล่ะคน แต่ Filler ที่เป็นสารจากธรรมชาติ ส่วนใหญ่จะอยู่นานถึง 1 ปี ออกฤทธิ์โดยการเพิ่มปริมาตรของเนื้อเยื่อบริเวณใบหน้า เพื่อปรับให้หน้าได้รูปและริ้วรอยต่างๆ
ผลข้างเคียงจากการฉีด Filler
- สามารถเติมเต็มร่องลึกเช่น ร่องแก้ม ถุงใต้ตา
- สามารถปรับเปลี่ยนรูปหน้าให้ดูมีมิติขึ้น และ V-shape เช่นการเติมคาง เหมาะสำหรับคนที่คางตัด คางสั้น เพื่อให้หน้าดูเรียวขึ้น
- สามารถเติมแก้มให้เป็นลูกส้มและฉีดเติมริมฝีปากให้ดูอวบอิ่มเพิ่มความเซ็กซี่
หลังทำ Filler มีข้อปฏิบัติ อย่างไร ?
ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
- 48 ชั่วโมงแรกไม่ควรออกกำลังกายให้เหงื่อออกมากหรือไปตากแดดร้อนๆเพราะอาจทำให้เกิดรอยแดงมากขึ้นบริเวณที่ฉีด
- หลังฉีดทัดทีไม่ควรจับลูบคลำนวดหรือปั้นเองในบริเวณที่ฉีดเพราะอาจมีผลต่อการเคลื่อนตำแหน่งของตัวยาไปยังตำแหน่งที่ไม่ต้องการได้
- หลังฉีดควรดื่มน้ำในปริมาณที่มากโดยเฉพาะ 4 วันแรก ของหลังฉีด Filler ประมาณ 8-46 แก้ว เพราะ Filler เป็นสารอุ้มน้ำ การดื่มน้ำมากๆ จะทำให้ Filler ที่ทำการเติมเต็มเข้าไปนั้นอยู่ได้นานขึ้น และช่วยให้น้ำจับกับโมเลกุล ของ Filler ที่ฉีด ทำให้ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น
- งดทานยาหรือวิตามินที่ทำให้เลือดออก เช่น แอสไพริน Vitamin E, ใบแป๊ะก๊วย และ หลีกเลี่ยงการใช้สารที่มีส่วนผสมของ BHA,AHA และ Retinoid 2 สัปดาห์
- ภายใน 2 สัปดาห์แรก ควรหลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่นบริเวณที่ฉีด Filler งดเข้าอบไอน้ำ อบซาวน่า ทำเลเซอร์ ทำ RF หรือ Ionto เพราะความร้อนเฉพาะจุดเป็นเวลานานอาจส่งผลต่อ Filler ได้ใน 2 สัปดาห์แรก ความร้อนที่สามารถโดนได้คือ ไดร์เป่าผม และแสงแดดที่ไม่แรงจ้าเกินไปได้ตามปกติ
- หลังฉีดสามารถแต่งหน้า ทาแป้ง ทาครีมได้ตามปกติ เมื่อผ่านไป 1 สัปดาห์ สามารถทำ Treatment อื่นๆ ได้ตามปกติ (ยกเว้น Laser, Rf และ Ionto ต้องรอ 2 สัปดาห์)
- หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอร์ 2 วัน หลังการฉีด
- เลี่ยงการสูบบุหรี่, การดูดทั้งจากหลอดดูด, การจูบ กรณีที่ฉีดที่ริมฝีปาก 2 วันหลังการฉีด
กรณีที่มีอาการข้างเคียง ตามราการด้านล่างให้ปฏิบัติตามข้อแนะนำแพทย์ดังนี้
- หลังฉีดอาจมีรอยเข็มแดงๆ เป็นจุดเล็กๆ ในบริเวณที่ฉีด จะหายเองภายใน 2-3 วัน และอาจเกิดรอยเขียวช้ำได้เล็กน้อย ซึ่งมักเจอในคนที่รับประทานยาละลายลิ่มเลือด, Aspirin,Alcohol หรือวิตามิน E อาหารเสริมบางชนิดเช่น Fish oil, Primrose โดยรอยเขียวช้ำจะค่อยๆ จางลงภายใน 1 สัปดาห์ ดังนั้นช่วงแรก สามารถทาแป้ง, Concealer หรือ รองพื้นปกปิดบริเวณที่เขียวช้ำ หรือรอยแดงจากเข็มไว้ก่อนได้
- หลังฉีดอาจคลำพบก้อนเล็กๆ แข็งเหมือนยางลบใต้ผิวหนังบริเวณที่ฉีด ซึ่งจะละลายตัวและนิ่มเป็นเนื้อเดียวกันเองภายใน 1-2 เดือน
- อาจมีการปวดระบมบริเวณที่ฉีดได้เล็กน้อย สามารถบรรเทาอาการได้ด้วยการประคบเย็นหรือทานยาแก้ปวด ลดบวมได้
- หลังการฉีด 3-4 ชม. ถ้ามีการปวดตื้อๆ อยู่สามารถนวด และประคบอุ่นได้จะช่วยให้อาการดีขึ้น
- นัดพบแพทย์หลังการรักษา 7 วัน หรือ 4 สัปดาห์
- กรณีอาการปวดบวมแดงมากผิดปกติ หรือสีผิวหนังบริเวณที่ฉีดเปลี่ยนไปเป็นสีซีด เป็นสีน้ำตาล หรือดำ (โดยไม่ใช่รอยเข็ม หรือรอยเขียวช้ำ) ควรรีบไปปรึกษาแพทย์ ผู้ทำหัตถการหรือติดต่อเจ้าหน้าที่ที่สาขา ตามเบอร์ที่ให้ไว้ทันที อย่ารอให้ถึงวันนัด